วันอังคารที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2561

วิวัฒนาการของช็อกโกแลต

วิวัฒนาการของช็อกโกแลต


          หลังจากที่ช็อกโกแลตถูกใช้เป็นเครื่องบรรณาการในช่วงยุคล่าอาณานิคมมาอย่างยาวนาน ในเวลาต่อมาเมื่อชาวอังกฤษผู้มีฐานะก็ได้ซื้อเมล็ดคาเคาแล้วเปิดเป็นร้านช็อกโกแลตแห่งแรกในกรุงลอนดอน (ปี ค.ศ. 1657) โดยเปิดเป็นร้านสภากาแฟ ผู้คนใช้เป็นสถานที่พบปะพูดคุยพร้อมดื่มช็อกโกแลตร้อน ๆ ไปด้วย แต่ก็จะมีเฉพาะคนมีอันจะกินเท่านั้นแหละที่สามารถเข้าไปใช้บริการได้
          หลายร้อยปีผ่านไป ขั้นตอนในการทำช็อกโกแลตก็ยังไม่เคยเปลี่ยน เป็นการใช้แรงงานคนในการบดเมล็ดโกโก้ ซึ่งแน่นอนว่า วิธีนี้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นได้ ใช้เวลานาน และค่าใช้จ่ายสูง จึงทำให้ช็อกโกแลตมีต้นทุนที่สูงตามไปด้วย และนี่เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมในยุคก่อนหน้านี้ ช็อกโกแลตถึงกลายเป็นอาหารของชนชั้นสูง และคนมีอันจะกิน
            จนมาถึงยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ปลายศตวรรษ 1700) เมื่อนักประดิษฐ์ได้คิดและสร้างเครื่องจักร   ไอน้ำสำเร็จ ทำให้กระบวนการผลิตช็อกโกแลตจำนวนมากแต่ใช้เวลาน้อย และต้นทุนการผลิตต่ำกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากยิ่งขึ้น และกระบวนการทำช็อกโกแลตก็ถูกปรับเปลี่ยนให้รวดเร็วและง่ายขึ้น ราคาของช็อกโกแลตจึงสามารถจับต้องได้มากขึ้น คนทั่วไปก็สามารถหาซื้อมากินได้เท่า ๆ กัน ช็อกโกแลตก็ถูกประยุกต์จากรุ่นสู่รุ่นมาเรื่อย ๆ ให้กลายเป็นอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่เครื่องดื่มมา
                  จนถึงปัจจุบัน หลังจากนั้นในช่วง ปี ค.ศ. 1765 ในยุโรปและอเมริกาก็ได้เกิดโรงงานผลิตช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้ขึ้นหลายแห่ง ต่างมุ่งพัฒนาและประยุกต์ผลผลิตจากเมล็ดโกโก้จนกลายเป็นช็อกโกแลตที่มาในรูปแบบอื่น ๆ เช่น นมช็อกโกแลต ช็อกโกแลตแบบแท่ง ฯลฯ จนมาถึงผลิตภัณฑ์จากช็อกโกแลตมากมายนับไม่ถ้วนในปัจจุบันนี้นี่เอง


https://moneyinc.com








ช็อกโกแลตกับยุโรป

ช็อกโกแลตกับยุโรป


สเปน ผู้นำเข้าช็อกโกแลตไปยังยุโรป
          ความนิยมของช็อกโกแลตก็เป็นที่เลื่องลือมาจนถึงทวีปยุโรป โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากชาวสเปน (ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 15) กับบุรุษนักสำรวจชาวสเปนที่มีนามว่า เฮอร์นันโด คอร์เทส เขาเข้าไปแสวงหาความมั่งคั่งที่อาณานิคมของชาวแอซเทคแล้วก็ไปพบเจอกับช็อกโกแลตนี้เข้า ก็เลยนำช็อกโกแลตกลับมายังประเทศด้วย และก็แน่นอนเลยว่า เจ้าช็อกโกแลตก็กลายเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว และไม่นานช็อกโกแลตก็ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งยุโรป เป็นจุดเริ่มต้นในการค้าขายเมล็ดโกโก้ระหว่างสเปนกับแอซเทคอย่างเป็นทางการ
          ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 หลังจากเกิดสงครามระหว่างสเปนกับชาวแอซเทค และสเปนก็เป็นฝ่ายชนะสงคราม จึงบังคับให้ชาวแอซเทคส่งต้นคาเคามาเป็นเครื่องบรรณาการแทนเงิน และเข้ายึดครองไร่คาเคาของชาวแอซเทคทั้งหมดเสียเลย 
          แต่การดื่มช็อกโกแลตของชาวสเปนนั้นจะแตกต่างจากต้นตำรับชาวมายาและชาวแอซแทค จะไม่นิยมดื่มช็อกโกแลตที่มีรสชาติขมและเฝื่อน จึงริเริ่มนำช็อกโกแลตไปต้มแล้วใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป ก็จะได้ช็อกโกแลตที่มีรสชาติดีขึ้นกว่าเดิม และไม่นานก็มีคนหัวใจคิดจะเติมน้ำตาลลงไปในช็อกโกแลต แถมยังใส่ผงอบเชยหรือซินนามอนลงไปด้วย เท่านั้นแหละ ช็อกโกแลตรสชาติหอมหวานชวนดื่มก็ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างจริงจัง ไม่เท่านั้น สเปนยังได้คิดค้นเครื่องไม้เครื่องมือใหม่ในการทำช็อกโกแลตแบบจริงจังชื่อว่า "โมลินีโอ" เป็นไม้สำหรับเอาไว้คนช็อกโกแลตให้กลายเป็นโฟมละเอียดง่ายขึ้น และจากนั้นช็อกโกแลตก็กลายเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมไปทั่วยุโรป

ยุโรปเจ้าแห่งช็อกโกแลต
          หลังจากที่สเปนนำพาช็อกโกแลตเข้ามาเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยม ในหมู่คนชั้นสูง และกลุ่มเจ้าขุนมูลนาย คนมีอันจะกินของยุโรป หลาย ๆ ประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ก็เลยนำเอาพันธุ์พืชคาเคาส่งไปปลูกตามเมืองขึ้นของตัวเองเสียเลย พอเมืองขึ้นเหล่านั้นได้ผลผลิตจากต้นคาเคามาก็ส่งกลับมาให้เจ้าอาณานิคมมากมายมหาศาล และนี่เองที่ทำให้ยุโรปกลายเป็นอาณานิคมแห่งช็อกโกแลตไปโดยปริยาย ส่วนชาวยุโรปจะนิยมบดเมล็ดโกโก้แล้วนำไปชงดื่มกับน้ำตาล และให้ถือว่าเป็นสินค้ามีค่าราคาแพงตั้งแต่บัดนั้น

http://vadoabarcellona.com


ประวัติช็อกโกแลต

ประวัติช็อกโกแลต


จุดกำเนิดของช็อกโกแลต
          ช็อกโกแลต เกิดขึ้นมาจากภูมิปัญญาของมนุษย์ในสมัยโบราณกว่า 2,000 ปีที่แล้วโน่น ตามหลักฐานเชื่อว่า เป็นชาวมายาและชาวแอซแทคแห่งอารยธรรมเมโสอเมริกา (หรือเมืองเม็กซิโก ซิตี้ในปัจจุบัน) ซึ่งแรกเริ่มเดิมที ชาวมายาได้ค้นพบว่า เมล็ดจากต้นโกโก้ (Cacao) มีความลับที่น่าทึ่งซ่อนอยู่และสามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างไม่น่าเชื่อ 
          โดยครั้งแรกที่ชาวมายาค้นพบต้นโกโก้ที่ป่าฝน และรู้ว่าต้นโกโก้นี้สามารถนำมาทำอาหารได้ ชาวมายาได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม ด้วยวิธีการนำเมล็ดโกโก้มาบดให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับเครื่องปรุงรสอื่น ๆ ที่มีในถิ่นกำเนิดจนได้เครื่องดื่มที่มีรสชาติขมและค่อนข้างเฝื่อนขึ้นมา จากนั้นก็ได้พัฒนาเป็นอาหารอื่น ๆ ตามวิวัฒนาการของพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเอามาก ๆ ในยุคนั้น พวกเขาจึงได้ให้ความหมายของคำว่า โกโก้ (Cacao) เอาไว้ว่าเป็นอาหารแห่งเทพ จากนั้นชาวมายาเลยยกขบวนไปนำต้นโกโก้จากป่าฝนมาปลูกไว้ที่บ้านของตัวเองเสียเลย จากนั้นก็เก็บเมล็ดโกโก้มาประกอบอาหาร เช่น นำไปหมัก คั่ว และบดให้เป็นเนื้อเหนียว ๆ ไว้สำหรับชงเป็นเครื่องดื่ม โดยนำไปผสมน้ำและเครื่องเทศ เช่น พริกไทย หรือแป้งข้าวโพด และนี่ก็เป็นจุดกำเนิดของเครื่องดื่มช็อกโกแลตนั่นเอง

คำว่า "Chocolate" มาจากไหน ?
          ว่ากันว่า คำว่า Chocolate มาจากภาษามายา หมายถึง การดื่มช็อกโกแลต เป็นการรวมกันของคำว่า "Chocol" ของชาวมายาที่แปลว่า "ร้อน" แล้วมาผสมกับคำว่า "atl" ของชาวแอซเทค แปลว่า "น้ำ" รวมกันเป็น "chocolatl" หรือ "ช็อกโกลาตส์" นั่นเอง ก่อนจะเพี้ยนมาเป็นคำว่า ช็อกโกแลต (Chocolate) ตามสำเนียงของชาวอังกฤษในช่วงต่อมานั่นเอง

https://foodofme.wordpress.com


ประโยชน์ของโกโก้

ประโยชน์ของโกโก้


โกโก้ เป็นพืชชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในอาหารประเภทถั่ว (nut) มีส่วนประกอบทางทางมีมากกว่า 700 ชนิด มีการศึกษาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันจนยอมรับว่า โกโก้เป็นอาหารคุณประโยชน์อนันต์ชนิดหนึ่ง (super food) ของมนุษย์ สามารถนำมารับประทานได้ปลอดภัย ลำดับรองลงมาจากน้ำบริสุทธิ์ นอกจากนั้น ยังถือว่าเป็นยาที่ดีชนิดหนึ่งอีกด้วย

สารอาหารสำคัญและประโยชน์ของโกโก้

1.สารโพลีฟีนอลล์ (polyphenols) ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือฟลาวานอลล์ มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ สารเหล่านี้พืชผลิตขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ใช่เซลล์ของตัวเองตายก่อนที่ควรจะเป็น ในร่างกายมนุษย์เราก็เช่นกัน จะมีปฏิกิริยาเคมีตามธรรมชาติเพื่อทำลายเซลล์ของตัวเราเอง เป็นสาเหตุทำให้คนเราแก่ลง และในโกโก้มีสารที่ยับยั้งการเกิดปฏิกิริยานั้นนั่นเอง จึงมีฤทธิ์ชะลอการตายของเซลล์ ชะลอความแก่ให้แก่มนุษย์ได้ สารชนิดนี้ยังพบมากในอาหารอีกหลายชนิด เช่น ชาเขียว ชาดำ องุ่น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และไซตรัส

2.มีฤทธิ์สารต้านการอักเสบ ซึ่งมีผลดีต่อระบบการไหลเวียนเลือด ป้องกันการเกิดภาวะแข็งตัวของหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย

3.โกโก้มีผลดีต่อระบบไหลเวียนเลือด จึงช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดการเกิดโรคหัวใจลดการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์อัมพาต) มีผลดีต่อระบบหายใจ ลดหอบหืดและการไอ นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย

4.โกโก้ช่วยลดไขมันและลดระดับคอลเลสเตอรอล

5.มีสารทำให้สมองหลั่งสารเคมีที่ทำให้มีความสุขได้แก่ สารโดปามีน และ สารเซโรโทนิน จึงทำให้คนเรามีอารมณ์ดีและมีความสุขหลังได้ดื่ม ดังนั้น โกโก้ จึงมีคุณสมบัติในการป้องกันและรักษาการเกิดอาการซึมเศร้าซึ่งเกิดจากการที่สมองขาดสารเซโรโทนิน ลดการเกิดภาวะเครียด ป้องกันการเกิดอาการชัก และยังช่วยให้คนเราสามารถนอนหลับได้ง่ายอีกด้วย

6.โกโก้ในปริมาณมากระดับหนึ่ง เมื่อได้รับเข้าร่างกายอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนขึ้นไป มีผลดีต่อสมองด้านความจำ คือทำให้ความจำ ความคิด การตัดสินใจ การรับรู้ การเรียนรู้ และสติดีขึ้น เนื่องจากในโกโก้มีสารที่มีคุณสมบัติป้องกันการเสื่อมหรือการตายของเซลล์สมอง สำหรับผู้สูงอายุจะสามารถยับยั้งภาวะความจำถดถอยได้

7.สารคาเฟอีนและธีโอโบรมีนในโกโก้ ช่วยกระตุ้นสมองส่วนกลาง แต่คาเฟอีนในโกโก้มีปริมาณน้อย คือประมาณ 50 กรัม จะมีคาเฟอีนอยู่ราว 10-60 มิลลิกรัมเท่านั้น ในขณะที่กาแฟ 1 ถ้วย มีคาเฟอีนสูงถึง 150 มิลลิกรัม

https://www.ifit4health.com

วิวัฒนาการของช็อกโกแลต

วิวัฒนาการของช็อกโกแลต           หลังจากที่ช็อกโกแลตถูกใช้เป็นเครื่องบรรณาการในช่วงยุคล่าอาณานิคมมาอย่างยาวนาน ในเวลาต่อมาเมื่อชาวอังกฤษ...